อดีตที่เคยเงียบงัน กำลังกลับมาพูดอีกครั้ง ด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์ ล่าสุด Google DeepMind เปิดตัว “Aeneas” โมเดล AI ใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อทำภารกิจสุดท้าทาย: วิเคราะห์ ฟื้นฟู และตีความจารึกภาษาละตินจากยุคโบราณ
โมเดล Aeneas เป็นการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงมนุษย์กับประวัติศาสตร์
ผ่านการเรียนรู้จากฐานข้อมูลจารึกกว่า 176,000 ชิ้น และถูกออกแบบให้สามารถเติมคำที่ขาดหาย วิเคราะห์รูปแบบภาษา และเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแหล่งประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ
โมเดลนี้ไม่ใช่แค่เครื่องมืออ่านตัวอักษรโบราณ แต่ทำหน้าที่เสมือนนักประวัติศาสตร์ดิจิทัลที่สามารถแปลงข้อความแต่ละชิ้นให้กลายเป็น “ลายนิ้วมือทางประวัติศาสตร์” ซึ่งบอกได้ทั้งที่มา เนื้อหา ภาษา และความเชื่อมโยงกับจารึกอื่น ๆ
โมเดลนี้ต่อยอดมาจากโครงการก่อนหน้าอย่าง Ithaca ซึ่งใช้ในการตีความภาษากรีกโบราณ แต่ครั้งนี้ DeepMind ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเปิดให้ใช้งาน โมเดลนี้แบบโอเพ่นซอร์สสำหรับนักวิจัย นักเรียน และพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก พร้อมทั้งเผยแพร่ซอร์สโค้ดและฐานข้อมูลผ่าน GitHub อย่างเต็มรูปแบบ
ไม่ใช่แค่ละติน แต่คืออนาคตของการอนุรักษ์ภาษา
โมเดลนี้จะเริ่มต้นจากภาษาละติน แต่โมเดลนี้สามารถนำไปฝึกกับภาษาโบราณอื่น ๆ ได้ เช่น อียิปต์โบราณ หรือแม้แต่ภาษาที่มนุษย์ยังถอดความไม่ได้ทั้งหมด ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับการฟื้นฟูภาษาที่ใกล้สูญหายทั่วโลก
ในเวลาเดียวกัน Google ยังได้พัฒนาเครื่องมืออย่าง Woolaroo ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้เรียนรู้ภาษาท้องถิ่นผ่านภาพและเสียงจากเจ้าของภาษาโดยตรง เสริมภาพรวมความพยายามในการอนุรักษ์วัฒนธรรมด้วยพลังของเทคโนโลยี
AI กับบทบาทใหม่ ผู้ช่วยนักโบราณคดี
หาก AI เคยเป็นเครื่องมือในอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ วันนี้มันกำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ “ผู้ช่วยนักโบราณคดี” ที่สามารถเชื่อมอดีตกับปัจจุบันได้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
การเปิดตัว โมเดลนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือก้าวสำคัญของมนุษยชาติ ในการใช้เครื่องจักรเข้าใจรากเหง้าของตัวเองอย่างลึกซึ้ง
หากคุณอยากลองสัมผัสกับโลกของจารึกโบราณผ่านสายตาของ AI สามารถเข้าใช้งาน โมเดลนี้ ได้ฟรีที่เว็บไซต์ของ DeepMind หรือดาวน์โหลดได้จาก GitHub
tags : neowin.net