นอกจากจะมีข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับ iOS 26 ระบบปฏิบัติการเวอร์ชันถัดไปของ Apple หลุดออกมาให้เราได้เห็นทิศทางใหม่ๆ กันแล้ว โดยล่าสุดมีการค้นพบ 2 ฟีเจอร์ Wi-Fi ที่จะเข้ามาปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานของเราให้สะดวกสบายและเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น โดยรอบนี้เรามาดูกันว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
1. Captive Assist ล็อกอิน Wi-Fi โรงแรม-สนามบิน ครั้งเดียวพอ!
เคยเบื่อไหมครับ เวลาไปโรงแรม สนามบิน หรือร้านกาแฟ แล้วต้องคอยกรอกข้อมูลในหน้าเว็บเพื่อล็อกอินเข้าใช้งาน Wi-Fi บนทุกอุปกรณ์ ทั้ง iPhone, iPad, และ Mac? ปัญหานี้กำลังจะหมดไปครับ
Aaron Perris จาก MacRumors ได้ค้นพบโค้ดที่อ้างอิงถึงฟีเจอร์ “Captive Assist” ใน iOS 26 Developer Beta ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก Mark Gurman แห่ง Bloomberg ที่เคยรายงานไว้ก่อนหน้านี้
วิธีการทำงาน: เมื่อคุณกรอกข้อมูลเพื่อเชื่อมต่อกับ “Captive Wi-Fi” (Wi-Fi ที่ต้องล็อกอินผ่านหน้าเว็บ) บนอุปกรณ์ Apple เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ระบบจะทำการซิงค์ข้อมูลการล็อกอินนั้นไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ของคุณที่ใช้ Apple ID เดียวกันโดยอัตโนมัติ ผลก็คือ ล็อกอินบน iPhone เพียงเครื่องเดียว iPad และ Mac ของคุณก็จะเชื่อมต่อเน็ตให้ทันที เพิ่มความสะดวกสบายขั้นสุดเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ
ฟีเจอร์นี้คาดว่าจะพร้อมใช้งานบน iOS 26 , iPadOS 26 และ macOS Tahoe (ชื่อคาดการณ์) ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี
2. Wi-Fi Aware เปิดประตูสู่ "AirDrop" สำหรับแอป 3rd Party
นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่นักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วโลกต้องจับตา! iOS 26 และ iPadOS 26 จะรองรับ “Wi-Fi Aware” ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาตรฐานอุตสาหกรรมที่ทำงานแบบเดียวกับเทคโนโลยีเบื้องหลัง AirDrop และ AirPlay
มันคืออะไร?: Wi-Fi Aware อนุญาตให้อุปกรณ์ Wi-Fi สองเครื่องเชื่อมต่อกันได้โดยตรง (Peer-to-peer) โดย ไม่ต้องพึ่งพา Router หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ประโยชน์คืออะไร?: Apple ได้เปิด Framework ของ Wi-Fi Aware ให้นักพัฒนาแอปทั่วไปสามารถนำไปใช้ได้ ซึ่งหมายความว่าแอปจาก App Store จะสามารถสร้างฟีเจอร์ของตัวเองเพื่อ:
- ส่งไฟล์ความเร็วสูง ระหว่างอุปกรณ์
- สตรีมมิ่งสื่อ (Media Streaming)
- แชร์หน้าจอ (Screen Sharing)
- และอื่นๆ อีกมากมาย
พูดง่ายๆ ก็คือ แอปอื่นๆ กำลังจะมีฟังก์ชันที่ทำงานได้รวดเร็วและสะดวกสบายเหมือน AirDrop นั่นเอง
ที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นจากข้อบังคับของกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) ในสหภาพยุยุโรป (EU) ที่กำหนดให้ Apple ต้องเปิดทางให้มีบริการอื่นที่ทำงานคล้าย AirDrop ได้ แต่ Apple ก็ใจกว้างกว่านั้น โดยตัดสินใจเปิดให้ Framework นี้ใช้งานได้ทั่วโลก ไม่จำกัดเฉพาะใน EU
iPhone รุ่นที่รองรับ Wi-Fi Aware
Apple ระบุว่าอุปกรณ์ต่อไปนี้จะรองรับ Framework ของ Wi-Fi Aware:
- iPhone 12 และใหม่กว่า
- iPad (รุ่นที่ 10) และใหม่กว่า
- iPad mini (รุ่นที่ 6) และใหม่กว่า
- iPad Air (รุ่นที่ 4) และใหม่กว่า
- iPad Pro 11 นิ้ว (รุ่นที่ 3) และใหม่กว่า
- iPad Pro 12.9 นิ้ว (รุ่นที่ 5) และใหม่กว่า
แม้จะเป็นฟีเจอร์สำหรับระบบปฏิบัติการในอนาคต แต่การมาถึงของ Captive Assist และ Wi-Fi Aware ก็แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Apple ที่มุ่งเน้นทั้งการสร้างความสะดวกสบายไร้รอยต่อใน Ecosystem ของตนเอง และการเปิดกว้างแพลตฟอร์มเพื่อตอบสนองต่อกฎระเบียบและมอบความเป็นไปได้ใหม่ๆ ให้นักพัฒนาทั่วโลก
tags : http://MacRumors