ในยุคที่เทคโนโลยี 5G กำลังเข้ามาปฏิวัติการเชื่อมต่อในหลากหลายด้าน หนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญแต่หลายคนอาจยังไม่คุ้นเคยนักคือ 5G VoNR (Voice over New Radio) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการโทรศัพท์เสียงบนเครือข่าย 5G บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับเทคโนโลยีนี้อย่างละเอียด ตั้งแต่หลักการทำงาน ข้อดี ไปจนถึงความท้าทายในการนำไปใช้งาน
VoNR คืออะไร?
VoNR หรือ Voice Over New Radio คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้การโทรศัพท์เสียงสามารถทำได้โดยตรงบนเครือข่าย 5G SA (Standalone) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม 5G ที่ “แท้จริง” โดยไม่พึ่งพาเครือข่าย 4G LTE อีกต่อไป เทคโนโลยีนี้เปรียบเสมือนการอัปเกรดครั้งใหญ่ของการโทรศัพท์เสียงบนมือถือ โดยต่อยอดมาจากเทคโนโลยี 4G VoLTE (Voice over LTE) เพื่อให้ได้คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ความหน่วงที่ต่ำลง และประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นยิ่งกว่าเดิม
หลักการทำงานของ VoNR
VoNR ทำงานโดยการส่งสัญญาณเสียงผ่านเครือข่าย 5G ที่ใช้โปรโตคอล IP (Internet Protocol) เช่นเดียวกับการรับส่งข้อมูลอื่นๆ แทนที่จะใช้เครือข่ายสวิตช์วงจรแบบดั้งเดิม (Circuit-Switched) ที่ใช้ในยุค 2G และ 3G การทำงานบนเครือข่าย 5G SA ทำให้ VoNR สามารถใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติเด่นของ 5G ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นแบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้น ความหน่วงที่ต่ำลง และความจุของเครือข่ายที่มากขึ้น
ข้อดีของเทคโนโลยี 5G VoNR
- คุณภาพเสียงที่คมชัดยิ่งขึ้น (Superior Audio Quality): VoNR รองรับตัวแปลงสัญญาณเสียง (Audio Codec) ที่ทันสมัยกว่า ทำให้สามารถส่งสัญญาณเสียงที่มีความละเอียดสูง ให้เสียงที่เป็นธรรมชาติและคมชัด ลดเสียงรบกวน และให้ประสบการณ์การสนทนาที่สมจริงยิ่งขึ้น
- ค่าความหน่วงต่ำ (Ultra-Low Latency): เครือข่าย 5G มีค่าความหน่วง (Latency) ที่ต่ำมาก ซึ่งส่งผลให้การโทรผ่าน VoNR มีความล่าช้าน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การสนทนารู้สึกเป็นธรรมชาติและตอบโต้ได้ทันที
- การเชื่อมต่อที่รวดเร็ว (Faster Call Setup Time): การโทรผ่าน VoNR สามารถเชื่อมต่อได้รวดเร็วกว่าการโทรผ่านเครือข่าย 4G หรือเครือข่ายแบบดั้งเดิม ทำให้ไม่ต้องรอนานเมื่อโทรออกหรือรับสาย
การทำงานร่วมกับบริการ 5G อื่นๆ ได้อย่างราบรื่น - (Seamless Integration with 5G Services): VoNR ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับบริการและแอปพลิเคชัน 5G อื่นๆ ได้อย่างลงตัว เช่น สามารถสลับระหว่างการโทรเสียงและการใช้งานวิดีโอคอลล์ได้อย่างราบรื่น หรือใช้คุณสมบัติอื่นๆ ของ 5G ขณะสนทนา
- ประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีขึ้น (Improved Power Efficiency): ในบางสถานการณ์ VoNR อาจช่วยให้ประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ได้ดีกว่าการพึ่งพาเครือข่าย 4G สำหรับการโทร
- รองรับเทคโนโลยีขั้นสูงในอนาคต (Future-Proofing): VoNR เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานสำหรับบริการเสียงในยุค 5G ซึ่งจะรองรับการพัฒนาและฟีเจอร์ใหม่ๆ ในอนาคต เช่น การโทรแบบ Immersive Audio หรือการสื่อสารแบบ Holographic Call’
ความท้าทายในการนำ VoNR ไปใช้งาน
แม้ว่า VoNR จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีความท้าทายในการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลาย
- ความพร้อมใช้งานของเครือข่าย 5G SA: VoNR จำเป็นต้องใช้เครือข่าย 5G SA ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาและติดตั้งในหลายประเทศ ผู้ให้บริการเครือข่ายส่วนใหญ่ยังคงใช้ 5G NSA (Non-Standalone) ซึ่งยังต้องพึ่งพาเครือข่าย 4G สำหรับการโทร
- ความพร้อมใช้งานของอุปกรณ์ที่รองรับ: โทรศัพท์มือถือต้องรองรับเทคโนโลยี VoNR ซึ่งแม้ว่ารุ่นใหม่ๆ จะเริ่มรองรับมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ครอบคลุมทุกกลุ่มราคา โดยยังเน้นไปที่เรือธงอยู่ในเวลานี้หรือ บางค่ายก็ใส่แล้วตัวอย่างมือถือที่ใช้ VoNR ได้เช่น Samsung Galaxy S21 ขึ้นไป, Nothing Phone (3a) เป็นต้น
- ความซับซ้อนทางเทคนิค: การติดตั้งและปรับแต่งเครือข่าย 5G SA เพื่อรองรับ VoNR เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูง ทำให้หลายคนก็ขาดเทคโนโลยีในการพัฒนาต่อ
- ปัญหาด้านการทำงานร่วมกัน (Interoperability): การทำให้ VoNR ทำงานร่วมกับเครือข่าย 4G และเทคโนโลยีอื่นๆ ได้อย่างราบรื่นเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามในการพัฒนามาตรฐานและการทดสอบ
- ค่าใช้จ่ายในการลงทุน: การอัปเกรดโครงข่ายเพื่อรองรับ 5G SA และ VoNR มีค่าใช้จ่ายสูงสำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย
อนาคตของ VoNR
ถึงแม้จะมีความท้าทายอยู่บ้าง แต่ในระยะยาว VoNR จะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการโทรศัพท์เสียงบนเครือข่าย 5G อย่างแน่นอน เมื่อเครือข่าย 5G SA มีความครอบคลุมมากขึ้น และอุปกรณ์ที่รองรับมีมากขึ้น ผู้ใช้งานจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การโทรศัพท์เสียงที่เหนือกว่าที่เคย
สรุปแล้ว 5G VoNR เป็นเทคโนโลยีที่สำคัญในการปลดล็อกศักยภาพของเครือข่าย 5G สำหรับการโทรศัพท์เสียง ด้วยคุณภาพเสียงที่คมชัด ค่าความหน่วงที่ต่ำ และการทำงานร่วมกับบริการ 5G อื่นๆ ได้อย่างราบรื่น VoNR จะยกระดับประสบการณ์การสื่อสารด้วยเสียงไปอีกขั้น แม้ว่าการนำไปใช้งานอย่างแพร่หลายจะยังต้องใช้เวลา แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้เห็นการใช้งาน VoNR มากขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้การโทรศัพท์เสียงบนมือถือมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
tags : Voice Center