Neoliner-Origin เรือขนส่งพลังงานลมลำใหม่เพิ่งออกจากอู่ต่อเรือในตุรกีเมื่อ 29 ก.ย. แล่นผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมุ่งสู่ท่า Saint-Nazaire เพื่อเตรียมข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นครั้งแรก บริษัทผู้พัฒนาชูจุดเด่นลดการพึ่งพาน้ำมันและลดการปล่อยคาร์บอนอย่างมีนัยสำคัญสำหรับการขนส่งทางทะเล
สเปกสำคัญของ Neoliner Origin แบบเข้าใจง่าย
ความยาว: 136 เมตร / ความกว้าง: 24.2 เมตร
เสากระโดง: 2 ต้น ทำจากคาร์บอน สูง 76 เมตร
พื้นที่ใบเรือแข็ง (rigid sails): 3,000 ตารางเมตร
ความเร็วเดินสมุทรประมาณ 11 นอต (~20 กม./ชม.)
ความจุสินค้า: 6,300 ตัน — เทียบเท่า 321 คันรถยนต์ หรือ 265 ตู้ 20-ft / 125 ตู้ 40-ft
การเดินทางและสถานะปัจจุบัน
เรือออกจากอู่ต่อเรือในตุรกีเมื่อวันที่ 29 กันยายน และแวะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ก่อนเข้าทำการเตรียมที่ท่า Saint-Nazaire (ฝรั่งเศส) เพื่อแต่งตั้งระบบและเตรียมออกเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นครั้งแรก — ถือเป็นการทดสอบบรรทุกและขนถ่ายเชิงพาณิชย์ระยะแรก
เทคโนโลยีเบื้องหลัง — ลมเป็นหัวใจของการเดินเรือ
Neoliner-Origin ใช้แรงลมเป็นแหล่งขับเคลื่อนหลักผ่านเสากระโดงคาร์บอนและใบเรือแข็ง โซลูชันนี้ผสานกับระบบช่วยนำทางสภาพอากาศ (weather-routing) เพื่อเลือกเส้นทางที่ใช้ลมได้มีประสิทธิภาพสูงสุด เป้าหมายคือการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ
บริษัทระบุว่า Neoliner-Origin สามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 5 เท่า เมื่อเทียบกับเรือทั่วไป — หรือพูดอีกแบบคือ ลดได้ถึง ~80% ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภารกิจที่เหมาะสม ลูกค้าที่เริ่มใช้งานแล้วรวมถึง Renault Group และแบรนด์แฟชั่น Longchamp ซึ่งสะท้อนความสนใจของภาคโลจิสติกส์และผู้ค้าปลีกในการลดคาร์บอนของห่วงโซ่อุปทาน
การเดินทางเชิงสาธิตของ Neoliner-Origin ไม่ใช่แค่ข่าวเกี่ยวกับเรือหนึ่งลำ แต่นี่คือสัญญาณว่าอุตสาหกรรมเดินเรือกำลังก้าวสู่ทางเลือกที่ลดคาร์บอนได้จริง — หากนำไปสู่การใช้งานเชิงพาณิชย์ในวงกว้าง จะช่วยลดการปล่อยก๊าซจากการขนส่งระหว่างประเทศที่วันนี้ยังพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างหนัก
Neoliner-Origin เปิดบททดลองเรือบรรทุกสินค้าพลังงานลมที่มีขนาดและความจุใกล้เคียงเรือพาณิชย์ ปล่อยเดินทางจากตุรกีมุ่ง Saint-Nazaire เพื่อเตรียมข้ามแอตแลนติก เป้าหมายไม่ใช่แค่แสดงเทคโนโลยี แต่เพื่อเสนอทางเลือกลดคาร์บอนในวงการเดินเรือยุคหน้า
tags : neoline