หัวข้อข่าว

พลิกวงการแพทย์! ตรวจเลือดได้ง่าย ๆ แค่ถ่ายรูปเล็บผ่านสมาร์ตโฟน ไม่ต้องเจาะเลือดอีกต่อไป

ตรวจเลือด

นักวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพัฒนาแอปพลิเคชันอัจฉริยะที่สามารถตรวจคัดกรองภาวะโลหิตจาง (Blood Test) ได้ผ่านการถ่ายภาพเล็บด้วยสมาร์ตโฟน โดยไม่ต้องเจาะเลือด ไม่ต้องใช้เครื่องมือทางการแพทย์ และไม่ต้องเจ็บตัว

Blood Test เทคโนโลยี AI ที่แม่นยำเทียบเท่าห้องแล็บ

แอปฯ ดังกล่าวใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์ภาพถ่ายเล็บ เพื่อประเมินระดับฮีโมโกลบินในร่างกาย โดยผ่านการทดสอบกว่า 1.4 ล้านครั้งจากผู้ใช้งาน 9,061 รายทั่วสหรัฐฯ และผลการเปรียบเทียบกับการตรวจเลือดแบบมาตรฐานพบว่า

  • ความไว (sensitivity): 89%
  • ความจำเพาะ (specificity): 93% ภายใต้เกณฑ์ภาวะโลหิตจางที่ 12.5 กรัม/เดซิลิตร
Blood Test

ความแม่นยำระดับนี้ถือว่าเทียบเคียงกับการตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอย่างมากในวงการเวชศาสตร์ดิจิทัล

อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์ข้อมูลจากตำแหน่งผู้ใช้งานเพื่อสร้าง “แผนที่ภาวะโลหิตจาง” แบบเรียลไทม์ในสหรัฐฯ ซึ่งเผยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างระดับฮีโมโกลบินกับปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม เช่น

  • พื้นที่ที่มีรายได้เฉลี่ยสูง
  • ชุมชนที่มีประชากรผิวสีหนาแน่น
  • พื้นที่ที่มีจำนวนแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปมาก
  • แผนที่นี้ไม่เพียงช่วยระบุพื้นที่เสี่ยง แต่ยังสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำทางสุขภาพที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

ฟีเจอร์สามารถปรับแต่งเฉพาะบุคคล ดูแลตัวเองได้จากที่บ้าน

สำหรับผู้ที่เป็นโลหิตจางอยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง (CKD) แอปฯ ยังมีระบบ “Personal Calibration” ที่ช่วยเพิ่มความแม่นยำของผลการประเมินเฉพาะราย โดยหลังปรับแต่ง:

  • ผู้ป่วย CKD: ลดค่าความคลาดเคลื่อนจาก 1.36 เหลือ 0.74 กรัม/เดซิลิตร
  • ผู้ใช้ทั่วไป: ลดลงจาก 0.69 เหลือ 0.57 กรัม/เดซิลิตร

นี่จึงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการติดตามสุขภาพแบบรายวันโดยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล

เทคโนโลยี AI1

การไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เฉพาะทาง ทำให้แอปฯ นี้สามารถขยายการใช้งานในวงกว้าง ทั้งในพื้นที่ชนบทและกลุ่มประชากรที่เข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ยาก โดยมีศักยภาพที่จะ

  • ช่วยคัดกรองประชากรจำนวนมากได้รวดเร็ว
  • ลดต้นทุนและภาระระบบสาธารณสุข
  • ส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงรุกของประชาชน

การตรวจโลหิตจางผ่านสมาร์ตโฟนไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่คือการเปิดประตูใหม่ให้การแพทย์เข้าถึงง่ายขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในยุคดิจิทัล

tags : studyfinds

Facebook

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *