หลังจากที่ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย บุกไปพ่ายเติร์กเมนิสถาน 1-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก รอบสาม เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่สนาม อัลกาบัต สเตเดียม ซึ่งใช้พื้นสนามเป็น “หญ้าเทียม” ล่าสุดมีความคืบหน้าที่น่าจับตา เมื่อ AFC หรือสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย ประกาศ “ห้ามใช้สนามหญ้าเทียม” อย่างเป็นทางการในหลายรายการแข่งขันหลัก เริ่มมีผลตั้งแต่ เดือนสิงหาคม 2568 นี้
มาตรการนี้ของ AFC รอบคลุมการแข่งขันระดับทวีปหลายรายการ เช่น
- ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ตั้งแต่รอบ 2 เป็นต้นไป
- เอเชียนคัพ รอบคัดเลือก รอบสุดท้าย
- ฟุตบอลหญิงเอเชีย รอบคัดเลือก
- ฟุตบอลหญิง โอลิมปิก รอบคัดเลือก
- เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อีลิต
- เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2
- ฟุตบอลหญิง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก
เรียกได้ว่าทั้งชายและหญิง ทุกระดับชั้นของ เอเอฟซี จะต้องแข่งบนพื้นสนามหญ้าจริงเท่านั้น
ไทยอาจโดนเล่นงานอีกในเดือนกันยายน?
ที่น่าสนใจคือ ในกลุ่มของทีมชาติไทยตอนนี้ มีแค่สนามของเติร์กเมนิสถาน เท่านั้นที่ใช้หญ้าเทียม และถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่า ทีมชาติไทยอาจจะต้องกลับไปเตะในสนามหญ้าเทียมอีกครั้งในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงหลังที่มาตรการของ เอเอฟซี จะเริ่มมีผลบังคับใช้พอดี
คำถามคือ… จะให้แข่งหรือไม่ให้แข่ง? หากกฎเริ่มใช้แล้วจริง เกมนั้นจะถูกย้ายสนาม? หรือเติร์กเมนิสถานจะต้องหาสนามใหม่?
ในขณะนี้ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวหรือประกาศใด ๆ จาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เกี่ยวกับกรณีนี้ ซึ่งคาดว่าอาจต้องรอความชัดเจนจาก เอเอฟซี เพิ่มเติมอีกครั้ง
การแบนสนามหญ้าเทียมของ เอเอฟซี ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการลูกหนังเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศที่ยังไม่มีสนามหญ้าจริงตามมาตรฐาน หากไม่ปรับตัวทัน อาจกระทบทั้งเกมเหย้าและแผนการเตรียมทีมในระยะยาว
ทีมไทยเองต้องจับตาสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพราะ “ความได้เปรียบในบ้านของคู่แข่ง” อาจกลายเป็นความได้เปรียบที่ผิดกฎในอีกไม่ช้า
tags : aseanfootball