หัวข้อข่าว

อังกฤษใช้ AI ไล่ล่ามิจฉาชีพ เรียกคืนเงินภาษี 500 ล้านปอนด์

AI

รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการเรียกคืน เงินภาษีประชาชนกว่า 500 ล้านปอนด์ (ประมาณ 22,500 ล้านบาท) ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี ด้วยการใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเครื่องมือหลักในการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงในระบบราชการ นับเป็นความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีที่รัฐบาลเชื่อว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องงบประมาณของประเทศ

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จนี้กลับถูกตั้งคำถามจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและนักวิจารณ์ที่กังวลว่า รัฐบาลกำลังใช้ เอไอ “โดยขาดการกำกับดูแลและตรวจสอบที่โปร่งใส” ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านความเป็นธรรมและสิทธิเสรีภาพของประชาชน

อังกฤษใช้ AI ปราบโกง

จุดเริ่มต้น โครงการโควิดและการสูญเสียครั้งมหาศาล

ปัญหาการโกงเงินช่วยเหลือภาครัฐเริ่มชัดเจนในช่วงการระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะโครงการ Bounce Back Loans ที่ถูกมิจฉาชีพใช้ช่องโหว่ในการเบิกจ่ายเงิน จนทำให้เงินภาษีรั่วไหลกว่า 7 พันล้านปอนด์ (ราว 3 แสนล้านบาท) เหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลต้องเร่งหาวิธีใหม่ในการสกัดการโกงและเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบ

ทีมวิจัยจาก สำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้พัฒนาเครื่องมือ เอไอ ที่มีชื่อว่า Fraud Risk Assessment Accelerator เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันล่วงหน้าและจัดการการโกงที่ซับซ้อนมากขึ้น

การทำงานของ Fraud Risk Assessment Accelerator

  1. ตรวจจับเชิงรุก – เอไอ วิเคราะห์นโยบายหรือโครงการใหม่ๆ ก่อนเริ่มใช้งานจริง เพื่อหาจุดอ่อนที่อาจกลายเป็นช่องทางโกงได้ตั้งแต่ต้น ลดความเสี่ยงและช่วยประหยัดงบประมาณได้มหาศาล ผลทดสอบชี้ว่า AI สามารถระบุความเสี่ยงได้ เร็วกว่าเดิมถึง 80%
  2. ตรวจสอบเชิงรับ – วิเคราะห์ข้อมูลจากหลายหน่วยงานเพื่อตรวจจับพฤติกรรมโกงที่ซับซ้อน เช่น การสร้างบริษัทปลอมเพื่อเบิกเงินช่วยเหลือแล้วโอนออกนอกประเทศ

จอช ไซมอนส์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เรากำลังใช้ เอไอ เพื่อก้าวนำมิจฉาชีพหนึ่งก้าว และเพื่อให้มั่นใจว่าเงินภาษีของประชาชนจะถูกนำไปใช้เพื่อบริการสาธารณะ ไม่ใช่เข้ากระเป๋าคนโกง”

Fraud Risk Assessment Accelerator

ความกังวลเรื่องอคติในอัลกอริทึม

แม้ เอไอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจสอบอย่างมาก แต่หลายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International เตือนว่า การใช้ เอไอ ในภาครัฐยังมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะ “อคติในอัลกอริทึม” (Algorithmic Bias)

ตัวอย่างเช่น เครื่องมือ เอไอ ที่กระทรวงแรงงานใช้ตรวจสอบการฉ้อโกงเงินสวัสดิการ เคยถูกวิจารณ์ว่ามีแนวโน้ม ตรวจสอบเฉพาะกลุ่มบุคคลบางประเภท เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือคนต่างชาติ ซึ่งรัฐบาลยอมรับว่าพบความแตกต่างของผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ อายุ ความพิการ สถานภาพสมรส และสัญชาติ

นี่สะท้อนให้เห็นว่าหาก เอไอ ถูกพัฒนาด้วยข้อมูลที่มีอคติ ผลลัพธ์จะยิ่งตอกย้ำความไม่เท่าเทียม และอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยไม่ได้ตั้งใจ

AI เครื่องมือทรงพลังหรือดาบสองคม

กรณีของสหราชอาณาจักรแสดงให้เห็นว่า เอไอ สามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับการต่อต้านคอร์รัปชันและการบริหารจัดการงบประมาณ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็น ความท้าทายด้านจริยธรรมและสิทธิมนุษยชน ที่ทุกประเทศต้องตระหนัก

ความสำเร็จไม่ได้วัดเพียงตัวเลขเงินที่เรียกคืนได้ แต่ต้องวัดจากความสามารถของรัฐบาลในการรักษาสมดุลระหว่าง การใช้นวัตกรรมเพื่อประโยชน์สาธารณะ และ การปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทั่วโลกต้องเผชิญในยุค เอไอ กำลังมีบทบาทมากขึ้นในชีวิตประจำวัน

tags : BBC

Facebook

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *