เมื่อบริษัทยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีนอย่าง BYD จับมือกับยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีระดับโลก ByteDance เจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok เพื่อร่วมพัฒนาห้องทดลอง AI ชื่อ “AI + High-Throughput Joint Laboratory” เป้าหมายของการจับมือครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาแบตเตอรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ แต่คือการเร่งอนาคตของวงการ EV ด้วยพลังของปัญญาประดิษฐ์
BYD ถอดรหัสความร่วมมือเทคโนโลยี x ความเร็ว x ความแม่นยำ
ในโครงการนี้ ByteDance ได้นำทีมพัฒนา “Seed” ที่เชี่ยวชาญด้านอัลกอริธึม AI มาช่วยเร่งการวิจัยวัสดุแบตเตอรี่ พร้อมใช้ขุมพลังจาก Volcano Engine ระบบคลาวด์ของบริษัท เพื่อจำลองสถานการณ์และวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล
ขณะที่ บีวายดี ก็ไม่แพ้กัน โดยจัดเตรียม แพลตฟอร์มทดลองแบบ High-throughput ซึ่งสามารถรวบรวมข้อมูลการทดสอบจากหลายแหล่งได้พร้อมกัน ด้วยความแม่นยำสูงสุด ช่วยให้ทีมวิจัยสามารถวิเคราะห์ผลและทดสอบวัสดุแบตเตอรี่ใหม่ได้รวดเร็วกว่าที่เคย
จุดเปลี่ยนของแบตเตอรี่ EV ไม่ใช่แค่วัสดุ แต่คือ “สมอง”
จุดแข็งของ AI ไม่ได้อยู่ที่การวิเคราะห์ข้อมูลเร็วเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถในการ คาดการณ์ความเสื่อมของแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการชาร์จผิดพลาด หรือแม้แต่ป้องกันเหตุการณ์ “thermal runaway” ที่อาจนำไปสู่อัคคีภัยในรถยนต์ EV ได้
จากข้อมูลของ WEF ระบุว่า วิศวกรยานยนต์กว่า 60% ไม่พอใจกับเครื่องมือทดสอบแบตเตอรี่แบบเดิม และเชื่อว่า AI คือทางออกใหม่ที่สามารถ ลดเวลาชาร์จจาก 30 นาทีเหลือ 5 นาที รวมถึง ลดต้นทุนแบตเตอรี่จาก 120 เหลือเพียง 50 ดอลลาร์/กิโลวัตต์ชั่วโมง ภายในปี 2030
ความร่วมมือระหว่าง บีวายดี กับ ByteDance แสดงให้เห็นชัดว่า การ “ข้ามสายพันธุ์” ระหว่างอุตสาหกรรมยานยนต์และเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของนวัตกรรมใหม่ในโลกอนาคต
นี่ไม่ใช่เพียงการสร้างแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น แต่คือการสร้าง แบตเตอรี่ที่ฉลาดขึ้น — พร้อมรับมือกับความต้องการของโลกยุคใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าและข้อมูล และเมื่อสมองของแบตเตอรี่กลายเป็นหัวใจของ EV คำถามจึงไม่ใช่แค่ว่า “รถไฟฟ้าจะวิ่งไกลแค่ไหน?” แต่คือ “รถไฟฟ้าจะคิดได้แค่ไหน?”
tags : techinasia
