แมงกะพรุนไซบอร์ก "Cyborg jellyfish" อาจถูกใช้สำรวจท้องทะเลลึก
มหาสมุทรคือระบบควบคุมสภาพอากาศที่ใหญ่ที่สุดของโลก แต่ด้วยความกว้างใหญ่ การสำรวจจึงทำได้ยากและมีค่าใช้จ่ายสูง เทคโนโลยีไบโอไฮบริด (Biohybrid) ซึ่งผสานสิ่งมีชีวิตเข้ากับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาจเปลี่ยนวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการสำรวจและติดตามมหาสมุทร โดยท่ามกลางการเร่งตัวของภาวะโลกร้อนและความเป็นกรดที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นักวิจัยกำลังเร่งพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้
ทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ ได้เริ่มทดลองควบคุมแมงกะพรุนมูนเจลลี (Moon jellyfish) ที่ผ่านการดัดแปลงเพื่อใช้สำรวจความลึกของมหาสมุทร โดยหวังให้แมงกะพรุนเหล่านี้ช่วยติดตามผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยไม่สร้างมลพิษในทะเล แม้ว่ายังต้องศึกษาด้านจริยธรรมของ “ไซเบอร์เนติกส์ในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง” เพิ่มเติม
นิโคล ซวี (Nicole Xu) วิศวกรผู้ทำการทดลองนี้ ใช้เวลานานกว่า 5 ปีในการพัฒนาอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถควบคุมทิศทางการว่ายของแมงกะพรุน โดยเปรียบเทียบอุปกรณ์นี้กับ “เครื่องกระตุ้นหัวใจ” ที่ส่งสัญญาณกระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดตัว เธอยังมีแผนติดตั้งเซนเซอร์เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิและค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ของน้ำทะเล ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากภาวะโลกร้อน
แมงกะพรุนมูนเจลลีถือว่าเหมาะสมสำหรับบทบาทนี้ เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทนทานและประหยัดพลังงานสูง พบได้ทั่วโลกตั้งแต่ชายฝั่งไปจนถึงความลึกสุดขั้ว เช่น หลายหมื่นฟุตใต้ระดับน้ำทะเลในร่องลึกมาเรียนา
การใช้แมงกะพรุนอาจมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าส่งมนุษย์ลงไปหรือใช้อุปกรณ์หุ่นยนต์ แต่ซวีก็ยอมรับว่าต้องพิจารณาประเด็นด้านจริยธรรม เนื่องจากความเข้าใจเกี่ยวกับการรับรู้ของสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังยังมีจำกัด
โดยทั่วไปการทดลองกับสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังถือว่ามีข้อโต้แย้งทางจริยธรรมน้อยกว่าการใช้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่การศึกษาใหม่ ๆ เริ่มตั้งคำถามกับแนวคิดนี้ อย่างไรก็ตาม แมงกะพรุนไม่มีสมองหรือไขสันหลัง แม้จะมีระบบประสาทแบบเครือข่าย แต่ก็ไม่มีตัวรับความเจ็บปวด ปัจจุบันแมงกะพรุนในการทดลองยังไม่แสดงสัญญาณความเครียด เช่น การสร้างเมือกเพิ่มขึ้นหรือหยุดสืบพันธุ์ แต่ซวีแนะนำให้การศึกษาต่อไปควรกำหนดแนวทางจริยธรรมที่ชัดเจนสำหรับการใช้สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
เทคโนโลยีไบโอไฮบริดไม่ใช่เรื่องใหม่ ปี 2018 นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโตเกียวเคยสร้างหุ่นยนต์ต้นแบบที่ใช้กล้ามเนื้อหนูในการขับเคลื่อน และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ มหาวิทยาลัยชินชูในญี่ปุ่นก็เปิดตัวโดรนที่สามารถนำทางได้ด้วยการตรวจจับกลิ่น ผ่านหนวดรับกลิ่นที่สกัดจากหนอนไหม
tags : techspot
