Huawei เปิดตัว Huawei Watch 5 สมาร์ทวอทช์เรือธงรุ่นล่าสุด
ชูดีไซน์หรูหรา ฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุม และประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานระดับสูง โดยมีให้เลือกสองขนาดคือ 46 มม. พร้อมหน้าจอ 1.43 นิ้ว และ 42 มม. หน้าจอ 1.32 นิ้ว
รุ่น 46 มม. มาพร้อมตัวเรือนให้เลือกทั้งไทเทเนียมเกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศและสแตนเลสสตีล 316L ขณะที่รุ่น 42 มม. จะเป็นตัวเรือนสแตนเลสสตีลทั้งหมด ตัวเรือนใช้วิธีการปรับออกซิเดชันขั้นสูงเพื่อให้ได้สีสันที่สดใส พร้อมกระจกแซฟไฟร์ที่หน้าปัด มอบรูปลักษณ์ที่เหนือระดับ
จุดเด่นด้านนวัตกรรมคือเซ็นเซอร์ X-Tap ที่ด้านข้างตัวเรือน ซึ่งผสานรวมเซ็นเซอร์วัดแรงกดจากการสัมผัสด้วยปลายนิ้ว, ขั้วไฟฟ้า ECG เคลือบแก้ว และเซ็นเซอร์ PPG เพื่อตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่ปลายนิ้ว Huawei ระบุว่าตำแหน่งนี้ช่วยให้สามารถจับสัญญาณชีพจรได้ชัดเจนกว่าเซ็นเซอร์ทั่วไปที่อยู่ด้านล่าง
ฟีเจอร์ Health Glance ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบข้อมูลสุขภาพที่สำคัญ 9 รายการได้ใน 60 วินาที เพียงแตะนิ้วค้างไว้ที่เซ็นเซอร์ X-Tap ซึ่งประกอบด้วย: อัตราการเต้นของหัวใจเฉลี่ย, ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2), อุณหภูมิผิว, ระดับความเครียด, คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG), การตรวจจับความแข็งของหลอดเลือดแดง, ภาพรวมการหายใจ และการรับรู้การหายใจขณะนอนหลับ ตัวนาฬิกาจะแจ้งเตือนหากพบความผิดปกติที่อาจต้องปรึกษาแพทย์
Watch 5 ยังมาพร้อมการควบคุมด้วยท่าทางใหม่ ผู้ใช้สามารถเลื่อนหรือแตะนิ้วโป้งและนิ้วชี้สองครั้งเพื่อควบคุมการทำงานบางอย่าง เช่น การจัดการสายเรียกเข้า, การควบคุมเพลง หรือใช้เป็นรีโมทชัตเตอร์กล้องสำหรับสมาร์ทโฟน Huawei ที่ใช้ EMUI
สำหรับรุ่น 46 มม. รองรับ eSIM (ขึ้นอยู่กับการรองรับของผู้ให้บริการเครือข่าย) และการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 พร้อมโหมดแบตเตอรี่แบบ Dual Battery โดยโหมด Standard จะเปิดใช้งานฟังก์ชันทั้งหมด รวมถึง eSIM และเซ็นเซอร์ X-Tap ส่วนโหมด Ultra-Long Battery Life จะปิดฟังก์ชันเหล่านี้ แต่ยังคงติดตามข้อมูลสุขภาพระยะยาวได้ สามารถสลับโหมดได้อย่างรวดเร็ว
ด้านอายุการใช้งานแบตเตอรี่ รุ่น 42 มม. สามารถชาร์จเต็มใน 60 นาที ขณะที่รุ่น 46 มม. ใช้เวลา 90 นาที ผ่านการชาร์จแบบแม่เหล็ก
ตัวนาฬิการองรับโหมดกีฬากว่า 100 โหมด และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Android และ iOS ผ่าน Bluetooth นอกเหนือจากอุปกรณ์ Huawei ที่ใช้ EMUI
Watch 5 เริ่มวางจำหน่ายแล้วในบางประเทศ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ £399.99 หรือประมาณ 17,635 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2568) และมีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในตลาดวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ แต่ประเทศไทยจะวางจำหน่ายหรือไม่ต้องรอติดตามกันต่อไป
tags : http://GSMArena
