จีนออกกฎเข้ม: จากนี้ไปคนที่เป็นอินฟลูเอนเซอร์ หรือ ครีเอเตอร์ที่ให้คำแนะนำในเรื่องเชิงวิชาชีพ — เช่น การแพทย์ กฎหมาย การเงิน หรือการศึกษา — ต้องแสดงหลักฐานวุฒิหรือใบอนุญาตก่อนจะเผยแพร่ความเห็นหรือคำแนะนำในสาขานั้น ๆ แพลตฟอร์มอย่าง Douyin, Weibo หรือ Bilibili ถูกสั่งให้ตรวจสอบผู้สร้างเนื้อหาและระบุแหล่งที่มา รวมถึงแจ้งให้ผู้ชมทราบว่าเนื้อหานั้นมาจากผู้มีวุฒิหรือไม่ หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งปรับทางแพ่งและโทษปรับทางปกครองที่หนัก
ประเด็นสำคัญที่ influencer ควรรู้
ใครต้องปฏิบัติตาม — อินฟลูเอนเซอร์หรือเจ้าของบัญชีที่ให้คำแนะนำเชิงวิชาชีพ เช่น หมอ ทนาย นักการเงิน ครู ฯลฯ หากจะเผยแพร่เนื้อหาในสาขานั้น ต้องมีหลักฐานวุฒิหรือใบอนุญาตประกอบอาชีพ
แพลตฟอร์มต้องทำอะไร — ตรวจสอบเอกสารประจำตัว/วุฒิของครีเอเตอร์ แสดงป้ายข้อมูลแหล่งที่มา และเปิดเผยหากเนื้อหาถูกสร้างหรือแก้ไขด้วย AI
ทำไมต้องทำ — รัฐบาลชี้ว่าปัญหาข้อมูลผิด ๆ ในช่วงโควิด-19 และคอนเทนต์ที่ทำให้สาธารณะเข้าใจผิดเป็นเหตุผลหลัก ต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูลออนไลน์
โทษถ้าฝ่าฝืน — โทษปรับสูงสุดระดับหลายหมื่นหยวน (ตัวเลขโทษขึ้นกับกรณีและการบังคับใช้) พร้อมผลกระทบต่อการทำธุรกิจบนแพลตฟอร์ม
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
การบังคับใช้กฎนี้จะเปลี่ยนพฤติกรรมของวงการคอนเทนต์ในจีนพอสมควร — ผู้ที่เคยให้คำแนะนำเชิงวิชาชีพแบบสมัครเล่นอาจต้องหยุดโพสต์หรือหาพาร์ตเนอร์ผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูล ส่วนแพลตฟอร์มต้องลงทุนระบบยืนยันตัวตนและกระบวนการตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มต้นทุน แต่ก็อาจทำให้คอนเทนต์มีคุณภาพขึ้นและลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย
หากคุณทำคอนเทนต์เชิงวิชาชีพ ควรเตรียมหลักฐานวุฒิหรือใบอนุญาตให้เรียบร้อย ระบุแหล่งอ้างอิงชัดเจน และหากใช้ AI ในการสร้างเนื้อหา ให้แจ้งให้ผู้ชมรู้ เพื่อเลี่ยงปัญหาทางกฎหมายและรักษาความเชื่อถือ
จีนกำลังก้าวไปอีกขั้นในการควบคุมคุณภาพข้อมูลออนไลน์ — เป้าหมายคือความน่าเชื่อถือและการปกป้องสาธารณะ แต่การปฏิบัติจริงจะต้องบาลานซ์ระหว่างการคุ้มครองผู้บริโภคกับพื้นที่ให้ความรู้และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของผู้ใช้งานบนโลกดิจิทัล
tags : africapublicity