หน่วยงานวิจัยแผ่นดินไหวของรัฐบาลญี่ปุ่น (Japan) ออกมาเตือนล่าสุดว่า ภายใน 30 ปีข้างหน้า ประเทศญี่ปุ่นอาจต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ระดับ 7 แมกนิจูดขึ้นไป โดยพุ่งเป้าไปที่ “รอยเลื่อนใต้น้ำ” ที่ยังคงมีพลัง และอาจก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรงได้อีก
รอยเลื่อนเหล่านี้ถูกพบในทะเลทางตอนกลางถึงตอนใต้ของญี่ปุ่น นอกชายฝั่งตั้งแต่จังหวัดเฮียวโงะไปถึงโทยามะ โดยมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ได้ถึง 16-18% ในช่วง 30 ปีต่อจากนี้
ฝั่งตะวันออกน่าห่วงกว่า
นักวิจัยแบ่งแนวชายฝั่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ ตะวันออกและตะวันตก โดยฝั่งตะวันออกที่มีรอยเลื่อนมากถึง 14 จุด (รวมถึงแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของคาบสมุทรโนโตะ) มีโอกาสก่อแผ่นดินไหวขนาด 7.8–8.1 แมกนิจูดได้สูงถึง 12-14%
ในขณะที่ฝั่งตะวันตกมีรอยเลื่อน 9 จุด โอกาสเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.7 แมกนิจูดนั้นอยู่ที่ 4-6% แม้จะน้อยกว่า แต่ก็ยังถือว่าน่าจับตา
เคยเกิดมาแล้วเมื่อปี 2024
แผ่นดินไหวใหญ่ล่าสุดคือเหตุการณ์เมื่อเดือนมกราคม 2024 ที่คาบสมุทรโนโตะ แรงสั่นสะเทือนอยู่ที่ 7.6 แมกนิจูด ซึ่งเกิดจากรอยเลื่อนในโซนเดียวกัน แต่ตอนนี้แม้จะประเมินว่าโอกาสเกิดซ้ำในจุดเดิมภายใน 30 ปีค่อนข้างต่ำ (เกือบ 0%) แต่ก็ยังต้องระวังรอยเลื่อนข้างเคียงที่อาจถูกกระตุ้นจนทำให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำได้อีก
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1927 แผ่นดินไหวขนาด 7.3 แมกนิจูดที่ฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่น เคยทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 2,900 คน ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญว่าภัยธรรมชาติประเภทนี้ไม่ควรมองข้าม
Japan เตรียมรับมือและเฝ้าระวัง
ตอนนี้หน่วยงานของญี่ปุ่นได้เผยแพร่ตำแหน่งของรอยเลื่อนสำคัญกว่า 20 จุดให้ประชาชนรับทราบ พร้อมเตรียมแผนรับมือหากเกิดแผ่นดินไหวระดับ 6–7 แมกนิจูด และยังคาดว่าจะเกิดคลื่นสึนามิสูงอย่างน้อย 1 เมตรตามมาด้วย
ญี่ปุ่นยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับความเสี่ยงจากแผ่นดินไหวอยู่ตลอด โดยเฉพาะจากรอยเลื่อนใต้ทะเลที่ยังไม่หมดพลัง และจากข้อมูลล่าสุดก็ทำให้เห็นว่า แม้โอกาสจะไม่ใช่ 100% แต่ก็ควรเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมไว้เสมอ เพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้จริง และเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง
tags : about.fb