หัวข้อข่าว

Microsoft เปิดตัว MAI-DxO AI วินิจฉัยโรคแม่นยำเกิน 80%

Microsoft AI

Microsoft AI เปิดตัว “MAI Diagnostic Orchestrator” หรือ MAI-DxO กลไกควบคุมการวินิจฉัยโรคด้วย AI ที่อาจเปลี่ยนแปลงระบบสาธารณสุขทั่วโลก ด้วยการผสานความแม่นยำระดับผู้เชี่ยวชาญเข้ากับต้นทุนที่จับต้องได้

ไม่ใช่แค่โมเดล แต่เป็นผู้จัดการทีมแพทย์ AI

MAI-DxO ไม่ใช่โมเดลปัญญาประดิษฐ์ใหม่ แต่เป็น “orchestrator” หรือระบบประสานการทำงานของโมเดล AI หลายตัว เสมือนการจัดทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ มาช่วยกันวินิจฉัยอาการ โดยแต่ละ “agent” มีบทบาทต่างกัน เช่น

  • ตั้งสมมติฐานอาการเบื้องต้น
  • ตรวจสอบด้วยเช็คลิสต์มาตรฐาน
  • โต้แย้งสมมติฐานเพื่อหาจุดอ่อน
  • เสนอชุดการตรวจที่เหมาะสม
  • ชั่งน้ำหนักระหว่างความแม่นยำกับต้นทุน

กระบวนการนี้วนซ้ำจนได้ข้อสรุปที่สมเหตุสมผล ทั้งในเชิงการวินิจฉัยและประสิทธิภาพต้นทุน

MAI Diagnostic Orchestrator

Microsoft AI ทดสอบกับเคสจริง แม่นยำเหนือกว่าแพทย์มนุษย์

Microsoft ทดลองใช้ MAI-DxO กับเคสผู้ป่วย 304 รายจากโรงพยาบาล Massachusetts General Hospital โดยเปรียบเทียบกับผลวินิจฉัยที่ได้รับการยืนยันแล้ว

  • กรณีใช้โมเดล o3 ของ OpenAI ไม่จำกัดงบ
    MAI-DxO สามารถวินิจฉัยได้ถูกต้องถึง 85.5%
  • กรณีใช้แพทย์จริง 21 คนที่มีประสบการณ์ 5–20 ปี
    ความแม่นยำเฉลี่ยเพียง 20% เท่านั้น

แม้จะจำกัดงบประมาณการรันโมเดล ผลการวินิจฉัยของ MAI-DxO ยังคงแม่นยำเหนือกว่าโมเดล LLM แบบเดี่ยวอย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนประสิทธิภาพของแนวทาง “ทีม AI ถกเถียง” แทนการใช้ AI ตัวเดียวตัดสิน

GusN6O7XoAAIdmG

MAI-DxO สามารถทำงานร่วมกับโมเดล LLM ชั้นนำจากหลากหลายค่าย ไม่ว่าจะเป็น OpenAI (เช่น o3), Claude (Anthropic), Gemini (Google), หรือ DeepSeek ซึ่งช่วยเปิดโอกาสให้แพลตฟอร์มนี้สามารถปรับใช้ในสถานพยาบาลที่หลากหลายได้อย่างยืดหยุ่น

ขณะนี้ MAI-DxO ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัย “แห้ง” โดยใช้ข้อมูลผู้ป่วยย้อนหลัง การนำไปใช้งานจริงกับคนไข้ในโรงพยาบาลจริงยังต้องรอกระบวนการขออนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสุขภาพและการแพทย์ต่อไป

แม้จะยังไม่ได้เข้าสู่การใช้งานในชีวิตจริง แต่ MAI-DxO กำลังส่งสัญญาณว่า “แพทย์ AI” อาจไม่ใช่เพียงเครื่องมือช่วยงานอีกต่อไป แต่เป็นระบบที่สามารถจัดการ วิเคราะห์ และตัดสินใจเชิงคลินิกได้เทียบเท่าหรือดีกว่ามนุษย์ ในราคาที่ไม่สูงเกินไป

วงการสาธารณสุขทั่วโลกควรจับตาให้ดี เพราะอนาคตของการวินิจฉัยโรคอาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในเวลาไม่นานนัก

tags : microsoft

Facebook

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *