เมื่อการเล่าเรื่องไม่ได้จำกัดแค่จินตนาการอีกต่อไป Netflix (เน็ตฟลิกซ์) ใช้ Generative AI เปลี่ยนแนวทางการผลิตซีรีส์ไซไฟเรื่อง “The Eternaut” ให้กลายเป็นกรณีศึกษาระดับโลกในวงการบันเทิง โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีกลายเป็นฟันเฟืองหลักของอุตสาหกรรม
หนึ่งในฉากไฮไลต์ของซีรีส์อย่าง ฉากตึกถล่ม ถูกสร้างขึ้นโดย AI อย่างสมจริงและรวดเร็ว จน Ted Sarandos ประธานร่วมบริหารสูงสุดของ เน็ตฟลิกซ์ ยอมรับว่า “ถ้าใช้เทคนิค VFX แบบเดิม คงทำไม่ได้ในงบประมาณที่เรามี” พร้อมเสริมว่า AI ทำให้กระบวนการนี้เสร็จเร็วขึ้นถึง 10 เท่า

จากวิกฤตค่าใช้จ่าย สู่โอกาสในการสร้างสรรค์
ที่ผ่านมา AI มักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือลดต้นทุน แต่ เน็ตฟลิกซ์ ยืนยันว่ามันคือ “โอกาส” สำหรับการเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่ โดยช่วยให้ผู้สร้างเข้าถึงเทคนิคการผลิตระดับสูงได้ แม้งบประมาณจำกัด
การนำ AI มาใช้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของ เน็ตฟลิกซ์ ก่อนหน้านี้ในปี 2023 บริษัทเคยใช้ AI สร้างภาพพื้นหลังในอนิเมะ “The Dog & The Boy” เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในวงการอนิเมะญี่ปุ่น แม้จะถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดบทบาทของศิลปินมนุษย์ แต่ก็จุดประกายคำถามสำคัญว่า “อนาคตของคอนเทนต์จะเป็นอย่างไรเมื่อ AI เข้ามาร่วมโต๊ะเขียนบท?”

เทคโนโลยีไม่ได้มาแทนคน แต่มาเติมเต็มจินตนาการ
สำหรับ เน็ตฟลิกซ์ การใช้ AI ไม่ใช่เรื่องของการแทนที่มนุษย์ แต่คือการขยายขอบเขตของสิ่งที่สามารถเล่าได้ในจอภาพ Ted Sarandos กล่าวชัดว่า “AI ไม่ได้มีไว้แค่ลดต้นทุน แต่คือโอกาสในการช่วยผู้สร้างเล่าเรื่องได้ดีขึ้น”
นี่คือสัญญาณของการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิง ที่เทคโนโลยีไม่ได้เป็นเพียงเบื้องหลัง แต่กลายเป็น ผู้ร่วมสร้าง เนื้อหาที่เราเสพในทุกวัน
“The Eternaut” จึงไม่ใช่แค่ซีรีส์ไซไฟอีกเรื่อง แต่เป็นตัวอย่างของโลกคอนเทนต์ยุคใหม่ ที่ AI คือปากกาด้ามใหม่ของนักเล่าเรื่องทั่วโลก
tags : theverge