Tim Cook ซีอีโอของ Apple
ได้เปิดเผยถึงผลกระทบของมาตรการภาษีที่เรียกเก็บโดยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ต่อธุรกิจของบริษัท พร้อมทั้งคาดการณ์ถึงผลกระทบในอนาคตหากมาตรการเหล่านี้ยังคงอยู่
นอกจากนี้ CEO คนดังยังกล่าวว่าภาษีมีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการในไตรมาสเดือนมีนาคม เนื่องจาก Apple สามารถปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่สามารถประเมินผลกระทบของภาษีต่อไตรมาสเดือนมิถุนายนได้อย่างแม่นยำเนื่องจากความไม่แน่นอน แต่หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ คาดว่าภาษีจะเพิ่มต้นทุนให้กับ Apple ถึง 900 ล้านดอลลาร์
จากการแถลงผลประกอบการของ Apple ระบุว่า
“สำหรับไตรมาสเดือนมีนาคม เราได้รับผลกระทบจากภาษีในวงจำกัด เนื่องจากเราสามารถปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและสินค้าคงคลังของเราได้ สำหรับไตรมาสเดือนมิถุนายน ปัจจุบันเรายังไม่สามารถประเมินผลกระทบของภาษีได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากเราไม่แน่ใจเกี่ยวกับการดำเนินการที่อาจเกิดขึ้นก่อนสิ้นไตรมาส อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เห็นภาพรวม หากอัตราภาษี นโยบาย และการบังคับใช้ทั่วโลกในปัจจุบันไม่มีการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่เหลือของไตรมาส และไม่มีการเพิ่มภาษีใหม่ เราคาดการณ์ว่าผลกระทบจะทำให้ต้นทุนของเราเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ การประมาณการนี้ไม่ควรนำไปใช้ในการคาดการณ์สำหรับไตรมาสในอนาคต เนื่องจากมีปัจจัยเฉพาะบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อไตรมาสเดือนมิถุนายน”
Apple ได้ปรับกลยุทธ์ด้านการผลิต โดยปัจจุบัน iPhone กว่าครึ่งที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกามาจากอินเดีย ในขณะที่ Mac, iPad, AirPods และ Apple Watch มีแหล่งผลิตหลักอยู่ที่เวียดนาม สำหรับไตรมาสเดือนมิถุนายน Cook กล่าวว่า Apple คาดการณ์ว่า iPhone ส่วนใหญ่ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ จะมีแหล่งกำเนิดจากอินเดีย ในขณะที่ผลิตภัณฑ์อื่นๆ จะยังคงมาจากเวียดนาม สำหรับตลาดอื่นๆ ทั่วโลก Apple จะยังคงใช้ฐานการผลิตในจีน
Tim Cook กล่าวชื่นชมทีมปฏิบัติการของ Apple ที่ “ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการปรับปรุงห่วงโซ่อุปทานและสินค้าคงคลัง” และ Apple วางแผนที่จะดำเนินการในลักษณะนี้ต่อไปเท่าที่สามารถทำได้
ภาษี 20 เปอร์เซ็นต์ที่ Trump กำหนดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นภาษีหลักที่ส่งผลกระทบต่อ Apple เนื่องจากผลิตภัณฑ์หลายรายการของ Apple ได้รับการยกเว้นจากภาษีตอบโต้ 125 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์บางอย่าง เช่น อุปกรณ์เสริม ยังคงอยู่ภายใต้ภาษีรวม 145 เปอร์เซ็นต์
Cook ยังกล่าวอีกว่าเขายังไม่ทราบผลลัพธ์ของการสอบสวนตามมาตรา 232 ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็บภาษีเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลกระทบต่อ Apple อย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ต้องรอติดตามกันว่า หากเรื่องนี้ออกมาแล้วจะทำให้สินค้าของ Apple ปรับตัวเพิ่มขึ้นเท่าไหร่กันต่อไป
tags : http://sanook.com
