Shield AI ประกาศเปิดตัว X-BAT โดรนรบไร้คนขับแบบ VTOL ที่ใช้ระบบนำร่องและการตัดสินใจด้วยปัญญาประดิษฐ์เต็มรูปแบบ บริษัทย้ำว่า X-BAT เป็นแพลตฟอร์มขนาดกลุ่ม 5 (น้ำหนัก >599 กก.) ที่ออกแบบมาใช้ทั้งในภารกิจโจมตี สอดแนม สงครามอิเล็กทรอนิกส์ และทำงานร่วมกับเครื่องบินที่มีคนขับ เป็นแนวคิด “โดรนรบระดับเครื่องบินขับไล่ แต่ราคาเข้าถึงได้และใช้งานแบบเสียหายได้ (attritable)” ที่บริษัทตั้งเป้าจะนำไปใช้เชิงปฏิบัติการจริงในปี 2028
X-BAT ถูกออกแบบให้บินขึ้น-ลงในแนวดิ่ง (VTOL)
และมีซอฟต์แวร์หัวใจสำคัญคือ Hivemind — ระบบ AI อัตโนมัติของ Shield AI ที่ช่วยให้โดรนปฏิบัติภารกิจได้แม้ในสภาพแวดล้อมที่การสื่อสารถูกจำกัดหรือถูกก่อกวน Hivemind ช่วยให้ X BAT ทำงานได้เป็นทั้งสินทรัพย์อิสระและ “digital wingman” ทำงานประสานกับเครื่องบินมีคนขับหรือระบบอื่นๆ ได้โดยไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อตลอดเวลา
สเปคเด่นๆ ของ X BAT
ะยะปฏิบัติการมากกว่า 2,000 ไมล์ทะเล (≈3,704 กม.)
น้ำหนักกลุ่ม 5 (>1,320 ปอนด์ / ≈599 กก.)
ปีกกว้าง 39 ฟุต (≈12 ม.) ความยาวลำตัว 26 ฟุต (≈8 ม.)
บรรทุกภารกิจเต็มรูปแบบและมีช่องเก็บอาวุธภายใน (internal bay) เพื่อลดเรดาร์สะท้อน
ออกแบบให้บรรจุได้สูงสุด 3 ลำ บนดาดฟ้าเครื่องบินขับไล่หรือฮ. เก่าเพียงลำเดียว
ระบบขับเคลื่อนใช้เครื่องยนต์ระดับเครื่องบินขับไล่ (มีรายงานใช้เครื่องยนต์จาก F-16) — บริษัทระบุความเร็วอาจแตะ Mach 1.2
มัลติภารกิจ: โจมตี, ต่อต้านอากาศ, สงครามอิเล็กทรอนิกส์, ISR (ข่าวกรอง/สอดแนม/ลาดตระเวน)
ออกแบบให้มีความอยู่รอดสูง (survivability) และราคาที่“เข้าถึงได้” เพื่อทำภารกิจแบบใช้แล้วทิ้งเชิงยุทธศาสตร์
การใช้งานเชิงยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์
Shield AI มองว่า X BAT จะเปิดทางให้กองกำลังมี “อำนาจทางอากาศโดยไม่ต้องใช้รันเวย์” — สามารถปฏิบัติการจากเรือ เกาะ หรือพื้นที่ที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐานการบิน ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความคงทนของกำลังรบ พร้อมเป็นเครื่องมือป้องปรามทางยุทธศาสตร์เมื่อใช้อย่างเหมาะสม
ความท้าทายและข้อถกเถียงที่ต้องจับตา
การควบคุมและกฎหมาย: ระบบที่มีความสามารถตัดสินใจเชิงยุทธวิธีอัตโนมัติยกประเด็นเรื่องการกำกับดูแล การรับผิดชอบ และกฎการใช้อาวุธ (rules of engagement) — ผู้สังเกตการณ์เรียกร้องให้มีการกำหนดกรอบควบคุมการใช้ AI ในยุทธภัณฑ์ให้ชัดเจน
การรับรองและทดสอบ: ต้องผ่านการทดสอบด้านความเชื่อถือได้ ความปลอดภัย และการบูรณาการกับระบบป้องกันทางอากาศของพันธมิตรก่อนใช้งานจริง
การต่อต้านทางอิเล็กทรอนิกส์: แม้ Hivemind ถูกออกแบบมาให้ทนต่อการรบกวน แต่องค์ประกอบด้านการรบอิเล็กทรอนิกส์และการต้านทานการโจมตีไซเบอร์ยังเป็นความเสี่ยงสำคัญ
ต้นทุนและการผลิตจำนวนมาก: โมเดล “attritable” ต้องพิสูจน์ว่าลดต้นทุนต่อหน่วยได้จริงในสภาพการสู้รบจริง และต้องมีห่วงโซ่อุปทานพร้อมสำหรับการผลิตจำนวนมาก
Shield AI ระบุว่า X BAT ถูกพัฒนาระยะ 18 เดือนที่ผ่านมา มีกำหนดการบิน VTOL ครั้งแรกปลายปีนี้ และตั้งใจนำไปใช้งานจริงภายในปี 2028 บริษัทมีเครือข่ายสำนักงานและโรงงานในหลายภูมิภาคเพื่อรองรับการผลิตและบริการ
X BAT เป็นก้าวสำคัญของแนวคิดโดรนรบที่มีความเป็นอิสระสูงและออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับกำลังมนุษย์ได้ — แนวทางนี้อาจเพิ่มขีดความสามารถทางยุทธศาสตร์อย่างมาก แต่ก็ยกคำถามด้านจริยธรรม กฎหมาย และการควบคุมเทคโนโลยีที่ต้องถกกันในวงกว้างก่อนที่จะกลายเป็นอาวุธเชิงปฏิบัติการในสนามรบจริง
tags : newatlas