เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า เขาได้สั่งให้กรมราชทัณฑ์กลางซ่อมสร้างและเปิดเรือนจำอัลคาทราซ (Alcatraz) ที่ตั้งอยู่ในอ่าวซานฟรานซิสโกอีกครั้ง เพื่อใช้ “กักขังผู้กระทำความผิดที่โหดร้ายและรุนแรงที่สุดในอเมริกา”
เขาโพสต์ข้อความบน Truth Social ว่า “เปิดเรือนจำอัลคาทราซ! เมื่อก่อนนี้ ประเทศของเรามีความจริงจังมากกว่านี้ ในอดีต เราไม่ลังเลที่จะขังอาชญากรที่อันตรายที่สุดไว้ และขังพวกเขาให้ห่างจากใครก็ตามที่พวกเขาสามารถทำร้ายได้”
ทรัมป์ระบุว่า “วันนี้ ผมสั่งให้กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เอฟบีไอ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเรือนจำอัลคาทราซที่ขยายใหญ่ขึ้นและซ่อมสร้างใหม่เกือบทั้งหมดอีกครั้ง”
ทรัมป์ยังกล่าวกับนักข่าวขณะเดินทางกลับทำเนียบขาวจากฟลอริดาว่า เรือนจำแห่งนี้ “เป็นสัญลักษณ์ของกฎหมายและระเบียบ”
เดิมทีอัลคาทราซเป็นป้อมปราการป้องกันทางทะเล และได้รับการสร้างขึ้นใหม่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ในฐานะเรือนจำทหาร ก่อนที่กระทรวงยุติธรรมจะเข้ามาดำเนินการในช่วงทศวรรษปี 1930 และเริ่มรับนักโทษจากระบบเรือนจำของรัฐบาลกลาง นักโทษที่มีชื่อเสียง ได้แก่ อัล คาโปน, มิกกี โคเฮน และจอร์จ “แมชชีนกัน” เคลลี
เรือนจำกลางอัลคาทราซปิดตัวลงในปี 1963 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อปีสูงเกินไป โดยมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงกว่าเรือนจำกลางแห่งอื่น ๆ เกือบ 3 เท่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากที่ตั้งของเรือนจำที่อยู่บนเกาะ
ปัจจุบัน เรือนจำ (Alcatraz) แห่งนี้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของซานฟรานซิสโก
อัลคาทราซได้รับการยกย่องให้เป็นเรือนจำที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในสหรัฐฯ เนื่องจากตั้งอยู่บนเกาะ มีน้ำทะเลที่เย็นยะเยือกและกระแสน้ำที่แรง ไม่เคยมีการบันทึกอย่างเป็นทางการว่านักโทษหลบหนีออกจากอัลคาทราซได้สำเร็จ แม้ว่าจะมีนักโทษ 5 รายที่ถูกระบุว่า “สูญหายและคาดว่าจมน้ำเสียชีวิต”
แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครต ไม่เห็นด้วยกับแผนของประธานาธิบดีทรัมป์
เธอบอกว่า “เกาะอัลคาทราซปิดให้บริการในฐานะเรือนจำของรัฐบาลกลางเมื่อกว่า 60 ปีที่แล้ว ปัจจุบันเกาะแห่งนี้กลายเป็นอุทยานที่ได้รับความนิยมอย่างมากและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ข้อเสนอของประธานาธิบดีไม่น่าจะเป็นข้อเสนอที่จริงจัง”
tags :Reuters