หัวข้อข่าว

Microsoft ตั้งทีม MAI สู่ “Superintelligence” มุ่งพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ทางการแพทย์

MAI Superintelligence Team

Microsoft ประกาศตั้งทีมใหม่ในชื่อ MAI Superintelligence Team มุ่งพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ในขอบเขตจำกัด — โดยเริ่มจากการใช้งานด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์เป็นสายธงของโครงการนี้

หัวหน้าฝ่าย AI ของบริษัท Mustafa Suleyman ระบุว่า

Microsoft จะทุ่ม งบประมาณจำนวนมาก เพื่อการวิจัยและจ้างผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าจากห้องแล็บต่างๆ โดยมี Karen Simonyan ดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของทีม เป้าหมายคือสร้าง “โมเดลผู้เชี่ยวชาญ” (specialist models) ที่ทำงานได้เหนือมนุษย์ในงานเฉพาะทาง เช่น การอ่านภาพทางการแพทย์หรือการออกแบบโมเลกุลยา

Microsoft ทุ่มงบตั้งทีม MAI

ที่น่าสนใจคือแนวทางของ Microsoft ไม่ได้มุ่งไปหา “AI ทั่วไปที่พัฒนาตัวเองได้ไม่จำกัด” แต่เลือกเดินเส้นทางที่ Suleyman เรียกว่า Humanist Superintelligence — ปัญญาที่ทรงพลังแต่ถูกออกแบบและควบคุมให้อยู่ภายใต้กรอบค่านิยมมนุษย์ เพื่อลดความเสี่ยงเชิงมีผลกระทบต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์

Suleyman คาดว่า การพัฒนา Medical Superintelligence อาจไปถึงระดับใช้งานได้ภายใน 2–3 ปีข้างหน้า หากเจอความก้าวหน้าทางเทคนิคที่จำเป็น — แต่เขาย้ำว่าก้าวนั้นยังต้องอาศัยการค้นพบเชิงวิทยาศาสตร์และการทดสอบทางคลินิกอย่างเข้มงวด

Microsoft ระบุด้วยว่าโมเดลเชิงผู้เชี่ยวชาญลักษณะนี้สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาเฉพาะด้านที่ซับซ้อนได้

Superintelligence

ตัวอย่างเช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักพลังงานหรือออกแบบโมเลกุลใหม่ๆ — เป้าหมายคล้ายกับความสำเร็จของ AlphaFold ที่ช่วยทำนายโครงสร้างโปรตีน แต่ทำได้ในบริบทที่มุ่งประโยชน์ต่อมนุษย์โดยตรง

ฝั่งนักวิจัยและผู้กำกับนโยบายอาจต้องจับตามองด้านความปลอดภัย จริยธรรม และการกำกับดูแล เพราะแม้จะเป็นระบบจำกัดขอบเขต แต่พลังการตัดสินใจที่สูงกว่ามนุษย์ในด้านการแพทย์ย่อมมีผลกระทบใหญ่ต่อชีวิตผู้ป่วย นโยบายการทดสอบ ความโปร่งใส และมาตรฐานการรับรองทางคลินิกจึงเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จและการยอมรับในวงกว้าง

Microsoft กำลังก้าวไปสู่การสร้าง AI ที่ “เก่งกว่า” แต่พยายามเน้นให้เก่งในทางที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อมนุษย์ — หากทำได้จริง โครงการนี้อาจเปลี่ยนโฉมการวินิจฉัยและการดูแลสุขภาพ แต่หนทางยังเต็มไปด้วยคำถามด้านเทคนิค จริยธรรม และกฎระเบียบที่ต้องตอบให้ชัดเจนก่อนนำมาใช้งานจริงในวงกว้าง

tags : CNBC

Facebook

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *