Zaugg AG Rohrbach ของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดตัวรถเครนรุ่นใหม่ Liebherr MK120-5.1E — เครนแบบที่สลับใช้ได้ทั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบหรือเครื่องยนต์ดีเซล โดยออกแบบมาเพื่อการก่อสร้างในเมืองเก่าและซอยแคบ ๆ พร้อมความสามารถยกของและยืนแขนในระดับโปรเจคขนาดกลาง-ใหญ่
สเปกสำคัญที่ควรรู้แบบสั้น ๆ
ระยะแขนสูงสุด 45 เมตร / ระยะการทำงานสูงสุด 52 เมตร
ความสูงตะขอสูงสุด 70.60 เมตร
น้ำหนักยกสูงสุด 8,000 กิโลกรัม (และ 2,100 กก. ที่รัศมีมากสุด)
แบตเตอรี่ 98 kWh ทำงานต่อเนื่องสูงสุดประมาณ 2 วัน (ในโหมดไฟฟ้า)
รองรับการจ่ายไฟจากกริดด้วยกระแสคงที่ 63 แอมป์
ขับเคลื่อน 5 เพลา ความเร็วสูงสุด 80 กม./ชม. พร้อมระบบบังคับเลี้ยวทุกล้อ (all-wheel steering) สำหรับการเข้าซอยแคบ
การเลือกใช้มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 98 kWh ช่วยให้เครนทำงานโดยไม่ปล่อยไอเสียในไซต์งานเมือง และยังมีตัวเลือกเสียบต่อไฟจากกริด (63 A) ทำให้สามารถ “ต่อสายไฟแล้วทำงานต่อเนื่อง” ได้ แทนการพึ่งพาดีเซลตลอดเวลา ขณะเดียวกันการออกแบบบังคับเลี้ยวทุกล้อช่วยให้เคลื่อนตัวในถนนแคบแบบเมืองเก่าของสวิตเซอร์แลนด์ได้ง่ายขึ้น
การใช้งาน Liebherr MK120-5.1E จริงและความท้าทาย
บริษัทระบุว่า MK120-5.1E ถูกนำไปทดสอบใช้งานจริงในเมืองเบิร์น เพื่อพิสูจน์ว่าเครนไฟฟ้าสามารถรับงานก่อสร้างในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นคือเสียงรบกวนน้อยลง ไอเสียลดลง และไม่ต้องมีรถปั๊มเชื้อเพลิงบ่อย ๆ แต่ข้อจำกัดยังอยู่ที่ความพร้อมของแหล่งจ่ายไฟในไซต์งาน การจัดการแบตเตอรี่ และการคำนวณภาระงานเมื่อใช้โหมดไฟฟ้าเต็มรูปแบบ
โซลูชันเช่นนี้ตอบโจทย์แผนลดคาร์บอนของภาคก่อสร้างและเทศบาลเมืองที่ต้องการลดมลพิษในย่านที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะในพื้นที่อนุรักษ์หรือเขตเมืองเก่า อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังต้องพิจารณาเรื่องต้นทุน ระบบชาร์จ และการบำรุงรักษาเมื่อเทียบกับเครนดีเซลแบบเดิม
MK120-5.1E ไม่ใช่แค่ “เครนไฟฟ้า” ทั่วไป แต่เป็นเวอร์ชันที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้จริงในสภาพแวดล้อมเมือง — ต่อสายไฟทำงานได้ เข้าแคบได้ แต่ยังคงมีตัวเลือกดีเซลสำหรับงานหนัก เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างกำลังก้าวสู่การลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยคำนึงทั้งสมรรถนะและการใช้งานจริงในหน้างาน
tags : electrek